เค้าโครงจากเรื่องจริง ....base on the true story
เมื่อคุณตัดสินใจไปเรียนต่างประเทศไม่ว่าประเทศไหน
สิ่งที่สำคัญมากๆ ถึงมากที่สุดคือ เรื่องของการประกันภัย หรือ ประกันชีวิต
นักเรียนที่มาเรียนที่ออสเตรเลีย....ต้องมีประกันสุขภาพ เน้นว่าต้องมี
ไม่มีไม่สามารถยื่นวีซ่าได้
เหตุผลคือ...ทุกคนต้องคุ้มครองตัวเอง และจัดหาการคุ้มครองด้วยตนเอง
คุณคงรู้ว่าค่ารักษาพยาบาลที่ต่างประเทศนั้นแพงมาก
ยกตัวอย่างแค่เข้ารับคำปรึกษาจาก GP (General Practice) นี่คือหมอที่คุณต้องเข้ารับคำปรึกษาอาการเจ็บป่วยของคุณ คุณต้องจ่ายค่าปรึกษา ราคาเท่าไหร่จะมีบอกไว้ แต่เริ่มที่ 100 เหรียญ
ถ้ายิ่งเป็นหมอเฉพาะทางหรือ Specialistยี่งต้องจ่ายแพงมากขึ้น
แล้วถ้าต้องเข้ารับการรักษา..ไม่ต้องสงสัยว่าต้องใช้เงินมากขนาดไหน
ดังนั้นการที่มีประกันสุขภาพที่ซื้อไว้จึงคุ้มครองนักเรียนตลอดจนจบหลักสูตร
ราคาค่าประกันนั้นขึ้นอยู่กับระยะเวลาการไปเรียนของแต่ละคน ..คำนวนออกมาต่างกัน
เอเจนท์จะคำนวนการซื้อประกันให้นักเรียน จัดหาให้
ประกันสุขภาพของนักเรียนออสเตรเลีย จึงควรดำเนินการโดยเอเจนท์
ไม่ใช่ซื้อกับตัวแทนประกันทั่วไปภายในประเทศ
เมื่อนักเรียนเจ็บป่วย...นักเรียนจะไปคลินิกซึ่งเกือบทุกคลินิกจะรับประกันของทุกบริษัทอยู่แล้ว
ต้องแสดงบัตรนักเรียน และบัตรประกัน พาสปอร์ต หรือบางรายต้องแสดงวีซ่า
เข้ารับคำปรึกษาและไม่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายใด หากการรักษานั้นอยู่ในรายการคุ้มครอง
ซึ่งน้อยมาก..ที่จะไม่มีอยู่ในลิสต์ หากมีประเด็นที่ต้องนอนโรงพยาบาลทางคลินิคหรือแพทย์จะทำการส่งตัวต่อไปเอง ...สิ่งที่นักเรียนต้องทำคือ แจ้งแผนก Student Service ของโรงเรียนที่ตัวเองเรียนอยู่
หรือแจ้งเอเจนท์ เพื่อแจ้งต่อโรงเรียน ...นี่คือกระบวนการ
ทุกสถาบันของออสเตรเลียจะมีฝ่าย Student Service เพื่อให้การช่วยเหลือ ให้คำปรึกษา แก้ปัญหากับนักเรียนในเกือบทุกเรื่องในระหว่างที่มาศึกษา ..เหมือนกับว่าเอเจนท์ได้ส่งต่อให้กับโรงเรียนแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น..เอเจนท์และโรงเรียนยังต้องติดต่อกันจนกว่านักเรียนจะเรียนจบ หรือ เปลี่ยนไปอยูกับเอเจนท์ใหม่
--
เรื่องเล่านี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง
น้องเอ...ได้เดินทางไปเรียนที่ออสเตรเลียด้วยวีซ่านักเรียนลงเรียนภาษาและต่อด้วยดิฟโพม่า
ระยะเวลาสองปีครึ่ง...ระหว่างที่ไปเรียนนั้น น้องเกิดอุบัติเหตุรถชน อาการสาหัส
ต้องนอนพักรักษาตัวอยู่กว่า 6 เดือน ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนั้นประกันสุขภาพคุ้มครองทุกอย่าง
เมื่ออาการดีขึ้น..แต่ไม่สามารถทำงานได้เช่นเคยเนื่องจากมีอาการเจ็บปวดเมื่อยืนทำงาน
ทำให้มีผลกระทบต่อการทำงานและหารายได้ เพื่อมาช่วยค่าเรียนและค่ากินอยู่
ทางครอบครัวต้องการฟ้องร้อง คู่กรณีเพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย ค่าชดเชย
ในกรณีนี้...ทางครอบครัวต้องดำเนินการเอง จ่ายค่าทนายเอง หาทนายเอง
หรือขอให้เอเจนท์ช่วยแนะนำทนายให้ได้ ...แต่การดำเนินการทุกอย่างทางครอบครัวต้องดำเนินการเอง
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้วกับนักเรียนของ PLAN Study Agency
เราพบว่า...เมื่อนักเรียนไปถึงเรียนไปได้สักระยะหนึ่ง น้องขอเปลี่ยนเอเจนท์
ซึ่งในรายละเอียดเนื่องจาก สะดวกกับเอเจนท์ที่อยู่ในออสเตรเลีย (ตอนนั้นเรายังไม่มีออฟฟิชที่เมล์เบิร์น)
เรารับทราบเรื่องของการเปลี่ยนเอเจนท์จากทางสถาบันเพราะต้องมีเอกสารมาแจ้งเพื่อทราบ
เมื่อน้องเกิดเหตุ...เราไม่ทราบข่าว เพราะเราไม่ได้เป็นเอเจนท์ของน้องแล้ว
แต่มาทราบข่าวเมื่อทางญาติที่ประเทศไทยติดต่อกลับมาหาเราเพื่อขอคำแนะนำเรื่องของทนายความ
ช่วงนั้น พี่นิสา Country Manager ของ PLAN Study Agency อยู่ที่ออสเตรเลีย ..จึงได้ช่วยเหลือเป็นธุระในการให้คำแนะแนำเรื่องทนายความ ประสานงานกับออฟฟิชที่ไทย
...นี่คือสิ่งที่เราได้ช่วยเหลือและทำให้ได้
ทางครอบครัวได้ดำเนินการต่อไปตามขั้นตอน
เราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับใคร
แต่อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าเรื่องความเจ็บป่วย อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อเกิดขึ้นแล้วต้องเข้าใจขั้นตอนและกระบวนการ
ทั้งส่วนของนักเรียน โรงเรียน และเอเจนท์ที่ให้บริการ
การมีเอเจนท์ที่มีพื้นที่ๆให้บริการในประเทศนั้นๆ นับเป็นความสะดวกส่วนหนึ่งที่สำคัญ
ที่ทำให้นักเรียน และครอบครัวอบอุ่นใจได้
เพราะคนอยู่ในพื้นที่ย่อมเข้าใจ ลักษณะการทำงานและประสานงานได้ในเวลาที่ทันท่วงที
นี่คือ..สิ่งที่ทำให้ PLAN Study Agency ตัดสินใจในการมีออฟฟิชที่ออสเตรเลีย เมล์เบิร์น
เจ้าหน้าที่ Student Service team ของเรามีทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษในระดับที่ดีเยี่ยม
นี่คือสิ่งที่ตอบโจทย์อย่างหนึ่งในการดูแลนักเรียน ไม่ว่าจะสมัครเรียนไปที่ประเทศใด
ความปลอดภัยในชีวิต วางแผนได้
"ออสเตรเลีย เราเชี่ยวชาญ
อยากเรียนนอกให้บอกเรา"
Student Service Team : PLAN Study Agency
www.planstudyagency.com

Comentários